1273 จำนวนผู้เข้าชม |
DHA หรือกรดไขมัน omega-3 เป็นส่วนสำคัญของโภชนาการทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดย DHA ถือว่าเป็นสารอาหารจำเป็นพอๆ กับอาหารหลัก เนื่องจากคุณค่าในสารอาหารของ DHA สามารถช่วยเสริมสร้างในพัฒนาการของร่างกายและสมองได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ DHA กลายเป็นอาหารเสริมที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มศักยภาพให้กับลูกน้อย พร้อมเปิดประตูสู่ศักยภาพของลูกน้อยด้วย วิธีกิน DHA ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการบำรุงที่คุ้มค่า เห็นในผลลัพธ์ที่พึงพอใจ โดย NBL จะมาอธิบาย วิธีกิน DHA ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยกันดังนี้
DHA (Docosahexaenoic acid; DHA) คือ กรดไขมันจำเป็นในกลุ่ม Omega-3 ที่สมองและสายตาต้องการ ซึ่ง DHA สามารถเข้าไปบำรุงและเสริมพัฒนาการส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี
ในช่วงตั้งครรภ์, ทารกได้รับดีเอชเอ (DHA) ผ่านทางรกซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญในการพัฒนาสมอง, ระบบประสาท, และสายตา. การรับประทาน DHA ในช่วงนี้มีผลในการเพิ่มน้ำหนักตัวของทารกและลดความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด.
เมื่อเด็กเข้าสู่ระยะที่สมองเจริญเติบโตสูงสุด, ที่เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือนก่อนและหลังการคลอด, ความต้องการของเด็กต่อ DHA เพิ่มขึ้นอย่างมาก. DHA มีบทบาทสำคัญในการเสริมพัฒนาสมอง, ระบบประสาท, และสายตาในช่วงเวลานี้.
การให้ DHA ในปริมาณเพียงพอในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสทองของคุณพ่อคุณแม่. หญิงตั้งครรภ์ระหว่าง 25-35 สัปดาห์ และสตรีที่ให้นมบุตรควรรับ DHA ในปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน.
ผลทดสอบทางการแพทย์ในผู้หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 5 เดือนขึ้นไปจนถึงช่วงให้นมบุตรที่ได้รับ DHA ในปริมาณที่เพียงพอ, พบว่าเด็กในกลุ่มนี้มีพัฒนาการทางสมองดีกว่าเด็กที่ไม่ได้รับ DHA ในช่วงตั้งครรภ์และในระหว่างการให้นมบุตร. การรับ DHA ในช่วงนี้สามารถมีผลดีต่อสมองและสายตาของลูกน้อยในอนาคต
เด็กในช่วงวัยเรียนต้องใช้สมองและสายตาอย่างมากในกิจกรรมการเรียนรู้, ฝึกทักษะความคิดต่างๆ, และการพัฒนาทักษะทางการเรียนรู้. เพื่อให้สมองและระบบประสาททำงานอย่างมีประสิทธิภาพ, เด็กควรได้รับดีเอชเอ (DHA) ในปริมาณที่เหมาะสม.
การรับประทาน DHA มีบทบาทในการบรรเทาความเครียดจากการเรียนและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความจำ. นักเรียนในประเทศญี่ปุ่นที่มีการแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยสูงมักนิยมรับประทาน DHA ก่อนสอบเพื่อเพิ่มความจำและเสริมสมาธิ. ระดับ DHA ที่สมดุลในสมองยังช่วยป้องกันเด็กไม่ให้เป็นโรคสมาธิสั้น.
เด็กที่มีระดับ DHA ในเลือดต่ำอาจเผชิญกับปัญหาการควบคุมสมาธิและการเคลื่อนไหว, ทำให้มีโอกาสต่ำในการเรียนรู้, มีปัญหาด้านความสัมพันธ์, และเพิ่มโอกาสในการเกิดสภาพจิตอื่นๆ. เด็กวัย 1-12 ปีควรได้รับปริมาณ DHA อย่างเพียงพอประมาณ 20 มิลลิกรัมต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า DHA เป็นสารอาหารที่ไม่สำคัญ เพราะในทุกๆ วัน เด็กควรได้รับ DHA เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของลูกคุณ จะดีกว่าไหมถ้าลูกคุณสามารถรับ DHA ได้ทุกๆ วัน โดยคุณสามารถเลือกซื้ออาหารเสริมคุณภาพ NBL ศูนย์รวมอาหารเสริมคุณภาพจากประเทศออสเตรเลีย เราเป็นแบรนด์ที่เป็น Original การผลิตจากประเทศออสเตรเลีย ภายในเครื่องหมายการค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย และประเทศออสเตรเลีย ประสบการณ์ด้าน 12 ปีด้านอาหารเสริมสุขภาพ เพื่อให้คุณเข้าถึงอาหารเสริมคุณภาพได้ยิ่งขึ้น เพียงคลิ๊ก